ก่อนอื่น.. 3 ระยะของ โควิด-19 คืออะไร?

• ระยะที่ 1 : ผู้ติดเชื้อเดินทางจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด ทางภาครัฐได้ทำการคัดกรองที่สนามบิน แต่ไม่สามารถคัดกรองได้ทั้งหมด เนื่องจากผู้เดินทางบางรายยังไม่แสดงอาการ
• ระยะที่ 2 : ผู้เดินทางที่ผ่านจุดคัดกรองได้แพร่เชื้อให้กับคนไทย ทำให้เจ้าหน้าที่พอจะทราบที่มาของการแพร่โรค และมีจำนวนผุ้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งไทยเรากำลังอยู่ในระยะนี้
• ระยะที่ 3 : ผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น แม้ไม่ได้มีประวัติเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง และไม่สามารถสืบค้นได้ว่าติดเชื้อมาจากใคร ในระยะนี้ จำนวนผู้ป่วยจะสูงขึ้นหรือลดลง ก็ขึ้นอยู่กับมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่เชื้อของประเทศนั้น

แล้วเราจะทำอะไรได้ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3?
         กรมควบคุมโรค ได้แนะนำการปฏิบัติตัวในการป้องกันตนเองของคนไทย หากสถานการณ์โรคโควิด-19 เข้าระยะ 3 ไว้ 5 ข้อง่ายๆ

1. ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือเป็นสถานที่ปิดแคบ
2. หลีกเลี่ยงคนที่มีอาการไอหรือจาม อยู่ห่างอย่างน้อย 2 เมตร ในบางกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย
3. อย่าเอามือที่ไม่สะอาดมาลูบจับบริเวณใบหน้า ตา จมูก หรือปาก
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70%
5. รับประทานอาหารร้อน และไม่ควรแชร์อาหารกัน

         และหากเราเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยง เราต้องสังเกตอาการป่วยอยู่ในที่พักจนครบ 14 วัน นับจากวันที่กลับ เพื่อผลที่ดีต่อตัวเอง และป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรอบข้างและสังคมด้วย

ข้อสังเกต: มี 5 อาการของผู้ป่วยติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ มีไข้ (88%), ไอแห้ง (68%), ไม่มีเรี่ยวแรง (38%), ไอแบบมีเสมหะ (33%), และ หายใจลำบาก (18%) นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วมบ้างในบางราย เช่น เจ็บคอ, ปวดหัว, ปวดกล้ามเนื้อ และ หนาวสั่น อาการน้ำมูกไหล ไม่ใช่สัญญาณของโรคไวรัส Covid-19

หากต้องการหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงในประเทศไทย พร้อมติดตามสถานะผู้ติดเชื้อ ได้ที่ https://covidtracker.5lab.co/en

ไม่ออกจากบ้าน แล้วจะจัดการชีวิตอย่างไร?
         จริงๆ การช้อปออนไลน์และสั่งอาหารผ่านแอพฯ ก็เป็นอะไรที่คนไทยเชี่ยวชาญกันอยู่แล้ว และในสถานสถานการณ์แบบนี้ ที่เราไม่ควรพาตัวเองออกไปยังพื้นที่เสี่ยง อีกทั้งการเดินทางที่ต้องเจอสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5